ห้องสมุดคือมิตร แหล่งคิดค้นคว้า สร้างภูมิปัญญา นำพาวิชาการ

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รับสมัครบรรณารักษ์ 1 ตำแหน่ง


ลักษณะงานและความรับผิดชอบของตำแหน่ง
- ปฏิบัติงานในหน้าที่บรรณารักษ์ ซึ่งมีลักษณะงานที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดหา และคัดเลือกหนังสือเข้าห้องสมุด วิเคราะห์และจัดหมวดหมู่หนังสือ ให้บริการแก่ผู้ใช้ห้องสมุด จัดหนังสือขึ้นชั้น จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องได้

คุณสมบัติผู้สมัคร :
1. อายุ 22-35 ปี
2. จบปริญญาตรี สาขาสารนิเทศศึกษา บรรณารักษศาสตร์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
3. สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์(Microsoft Office)และอินเตอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี
4. มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีความคิดสร้างสรรค์
5. มีความรับผิดชอบและรอบคอบ
6. มีความสามารถในการจัดกิจกรรมเสริมรักการอ่านได้
7. หากมีประสบการณ์การทำงานในห้องสมุดอื่นๆ จะพิจารณาเป็นพิเศษ

อัตราค่าจ้างเดือนละ 7,940 บาท
รายได้อื่น ๆ :: เงินล่วงเวลาเดือนละ 500 บาท

ติดต่อ - สอบถาม :
ห้องสมุดประชาชน “ เฉลิมราชกุมารี” อำเภอธัญบุรี (คลอง 2) ต.ประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี
จ.ปทุมธานีเบอร์โทร 02-5499102 หรือ 087- 0726107

รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2553 กำหนดทำการคัดเลือกที่
ห้องสมุดประชาชน “ เฉลิมราชกุมารี” อำเภอธัญบุรี (คลอง 2) ต.ประชาธิปัตย์
อำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ดังนี้ สอบสัมภาษณ์และสอบความรู้เกี่ยวกับบรรณารักษ์ ในวันที่ 29 ธันวาคม 2553
เวลา 9.00 น.

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมห้องสมุด


วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553 ทางห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี" อำเภอธัญบุรีได้จัดกิจกรรมการประดิษฐ์กระทงเพื่อให้เด็กๆที่รู้จักการทำกระทง และเพื่อให้เด็กใช้เวลาว่างให้ก่อเกิดประโยชน์


ประมวลภาพกิจกรรม


























วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำมะเขือเทศ ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษเผยสรรพคุณสุดมหัศจรรย์ของน้ำมะเขือเทศ ว่าเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
โดยในมะเขือเทศนั้น มี ไลโคพีน และสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย
ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ได้ทำการวิจัยและพบว่า ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศอังกฤษ จึงได้ทำการทดสอบกับผู้หญิงวัยทอง (50-60 ปี) จำนวน 60 คนทั่วประเทศ โดยให้พวกเธองดกินมะเขือเทศเป็นเวลา 1 เดือน และจากการวิจัยดังกล่าว ให้ผลออกมาว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้กินมะเขือเทศเลย จะมีระดับ N-telopeptide ในเลือดสูงขึ้น โดย N-telopeptide นี้จะทำให้กระดูกเปราะได้ง่าย
จากนั้น ทีมวิจัยได้ให้ผู้หญิงกลุ่มเดิมรับประทานมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคพีน 15 มิลลิกรัม ทั้งในรูปแบบแคปซูล และรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งผลก็พบว่ามะเขือเทศสามารถลดระดับ N-telopeptide ในเลือดให้ลดลงได้
จากการวิจัยดังกล่าว นักวิจัยจึงสรุปได้ว่า มะเขือเทศนั้นมีคุณประโยชน์ต่อกระดูกมากมาย ดังนั้น การรับประทานมะเขือเทศสกัดในรูปแคปซูล หรือจะเป็นน้ำมะเขือเทศคั้นสดวันละ 2 แก้ว ก็สามารถเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น และยังลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย

กินยาคุมกำเนิดแล้วสิวฝ้าขึ้น ทำไงดี


ถ้ากินยาคุมกำเนิดกลัวว่าจะมีสิวฝ้าขึ้นเต็มหน้าจะทำยังไงดี (Woman's Story) วันนี้มีคำถามยอดฮิตจากคุณสาว ๆ ที่ทานยาคุมกำเนิด แล้วกลับมีสิวฝ้าขึ้นเต็มหน้า ถ้าเป็นอย่างนี้จะทำอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบค่ะ มีคำแนะนำว่า ถ้ากินยาคุมกำเนิดแล้วเริ่มมีฝ้าขึ้น ก็ให้เปลี่ยนขนาดยาให้มีเอสโตรเจนต่ำลง โดยให้ลดเหลือแค่ 20 ไมโครกรัม ระหว่างนี้ก็ต้องรักษาฝ้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม ก็ควรหลีกเลี่ยงการถูกแดดจัด ๆ และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันสิวฝ้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าทำตามวิธีข้างต้นแล้วก็ยังไม่ได้ผล แถมยังทำให้ประจำเดือนขาด ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีคุมกำเนิดแบบอื่นแทนค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เทคนิคแก้ไขการแต่งหน้า



ใครที่แต่งหน้าแล้วรองพื้นหนาเกินไป ปัดแก้มเข้มไป วันนี้มีเทคนิคแก้ไขเวลาแต่งหน้าพลาดมาบอกกันค่ะ

*รองพื้นหนา ให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีด จากนั้นใช้พัฟฟองน้ำเกลี่ยรองพื้นที่ลงไว้ให้ทั่วใบหน้า พอหน้าแห้งก็พร้อมแต่งหน้าขั้นตอนต่อไปได้
*เขียนคิ้วเข้ม ให้ใช้มาสคาร่าสีทองหรือสีน้ำตาลทองมาปัดทับคิ้วอีกที จะทำให้สีคิ้วดูอ่อนลง
*ทาอายแชโดว์สีเข้ม ให้ใช้พู่กันแต่งหน้า หัวแปรงเล็กค่อยๆปัดฝุ่นอายแชโดว์ที่เข้มเกินไปออก
*ลงอายไลเนอร์แบบน้ำ ทาแล้วเส้นไม่เป็นเส้นแบบที่ต้องการ ให้เขียนอายไลเนอร์ให้เส้นใหญ่ขึ้น เพื่อกลบความผิดพลาด หากต้องการเขียนใหม่ให้ใช้คลีนเซอร์ลบให้เรียบร้อย รอให้แห้ง แล้วค่อยลงอายไลเนอร์ใหม่ *ปัดมาสคาร่าเลอะใบหน้า ให้ใช้คอตตอนบัดจุ่มอายรีมูฟเวอร์ เช็ดบริเวณที่เลอะออก จากนั้นทาแป้งบริเวณดังกล่าวให้เรียบเนียน
*ปัดแก้มแดงเกินไป ให้ใช้บลัชออนสีอ่อนกว่า เลือกแบบมีประกายมุกปัดทับ จะทำให้สีดูอ่อนลง หรือใช้พู่กันขนาดใหญ่แต้มแป้งทูเวย์ แล้วปัดแก้มทั่วบริเวณก็ช่วยได้ ห้ามใช้พัฟเพราะจะทำให้แป้งดูหนาเกินไป

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

6 สมุนไพร ใช้เยียวยาอาการเลือดกำเดาไหล


วันนี้จะขอนำเสนอสูตรสมุนไพร 6 ชนิด ที่ใช้รักษาอาการเลือดกำเดาไหล ที่ได้จากภูมิปัญญาไทย ของหมอสมุนไพรประจำคลินิกหนองบงการแพทย์แผนไทย จังหวัดลพบุรี มาแนะนำกันค่ะ

1. ใบพลู นำใบพลูมา 1 ใบ แล้วม้วนให้เหมือนม้วนบุหรี่ จากนั้นขยี้ปลายข้างหนึ่ง แล้วนำส่วนที่ขยี้สอดเข้าไปในรูจมูกที่เลือดกำเดาไหล ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เลือดกำเดาจะหยุดไหล เพราะใบพลูมีสรรพคุณในการสมานแผลได้ดี
2. น้ำมะนาว บีบน้ำมะนาวครึ่งลูกผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว จากนั้นเติมเกลือครึ่งช้อนชา และน้ำตาลไม่ขัดขาว 1 ช้อนโต๊ะ ชงดื่มวันละแก้ว ก่อนอาหาร วิตามินซีจะช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด และเลือดกำเดาไหลได้
3. รากต้นข้าว ใช้รากข้าวที่เกี่ยวแล้ว 1 ต้น ถอนตั้งแต่รากขึ้นไปประมาณ 1 คืบ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า - เย็น ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล
4. รากต้นฝรั่ง ใช้รากต้นฝรั่ง 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า – เย็น
5. รากหัวไชเท้า ใช้รากหัวไชเท้าหนักประมาณ 15 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด ตำหรือคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นใช้น้ำที่คั้นได้หยอดเข้าทางจมูกข้างที่มีเลือดไหล 1 - 2 หยด หัวไชเท้ามีสรรพคุณสมานแผลและห้ามเลือดได้
6. รากไพล ใช้รากไพล 7 ราก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด หลังจากนั้นใส่น้ำเปล่า 3 หยด ขยี้ให้เข้ากัน กรองเอาแต่น้ำ หยอดน้ำรากไพลในรูจมูกข้างที่เลือดไหล ไพลมีสรรพคุณช่วยแก้เลือดกำเดาไหลและฆ่าเชื้อ

สมุนไพรพื้นบ้านสรรพคุณล้นเหลือ ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูนะคะ อีกอย่างของที่มาจากธรรมชาติ รับรองว่าไม่ผลข้างเคียงแน่นอนค่ะ

วันลอยกระทง

วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทยตามปฏิทินจันทรคติล้านนา"มักจะ"ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายนตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย
ปัจจุบันวันลอยกระทงเป็นเทศกาลที่สำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเที่ยวปีละมากๆ ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีอากาศดี ในวันลอยกระทง ยังนิยมจัดประกวดนางงาม เรียกว่า "นางนพมาศ"อันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเพณีลอยกระทง และตามสถานที่จัดงานจะมีการประกวดกระทง ขบวนแห่ มหรสพสมโภชต่าง ๆ บางแห่งอาจมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองด้วย

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ออกซิเจน สำคัญสำหรับนักจ็อกกิ้ง


ออกซิเจน สำคัญสำหรับนักจ็อกกิ้ง (Lisa)

ผู้ที่เริ่มจ็อกกิ้งใหม่ ๆ หรือผู้ที่ออกวิ่งเร็วเกินไป หรือหายใจตื้นเกินไป ต้องมีประสบการณ์กับการหายใจหอบมาแล้ว จึงควรผ่อนจังหวะการวิ่งให้ช้าลงหรือหยุดพักด้วยการเดิน
หากไม่อยากหายใจหอบฮัก ๆ ล่ะก็ ควรเริ่มออกวิ่งช้า ๆ ก่อน และพยายามหายใจลึก ๆ ไปถึงช่องท้อง เพราะการหายใจตื้น จะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยและอาจทำให้หายใจไม่ออก
วิธีที่จะให้ร่างกายได้รับออกซิเจนที่ดีที่สุด ก็คือ หายใจเข้าลึก ๆ ก็จะทำให้หายใจออกยาวขึ้น ไม่ว่าจะหายใจออกทางปากหรือทางจมูกก็ได้ การหายใจทางปากจะทำให้หายใจได้เร็วขึ้น ซึ่งนักวิ่งหลายคนรู้สึกหายใจได้สะดวกกว่า แต่ถ้าวิ่งในที่ที่มีอากาศเย็น ๆ นั้นควรหายใจทางจมูกจะดีกว่า เพราะอากาศที่หายใจผ่านจมูกจะดีกว่า เพราะอากาศที่หายใจผ่านจมูก จะช่วยให้ลมหายใจอบอุ่นซึ่งเป็นการถนอมคอและหลอดลม
นอกจากนี้
ศจ.เคลาส์ โฟลเคอร์ แพทย์การกีฬาจากมหาวิทยาลัยมุนส์เตอร์ในประเทศเยอรมนีได้ แนะนำว่า ไม่ควรรับประทานอาหารหนักก่อนจ็อกกิ้ง 2-3 ชั่วโมง เพราะเลือดจะถูกนำไปช่วยย่อยอาหาร และในขณะเดียวกันกล้ามเนื้อที่ออกกำลังก็ต้องการเลือดเช่นเดียวกัน หากรู้สึกจุกเสียดขณะวิ่งก็ให้วิ่งช้าลงหรือเดิน การออกกำลังเป็นประจำจะทำให้ร่างกายชินกับการออกแรงอวัยวะต่าง ๆ จะเรียนรู้การถ่ายเทเลือดได้ดีขึ้น

วิธีเลือกซื้อโยเกิร์ต


วิธีเลือกซื้อโยเกิร์ต (Woman's Story) พูดถึง โยเกิร์ต แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จัก แต่มีใครบ้างที่เลือกซื้อโยเกิร์ตให้ได้คุณค่า...วันนี้เรามีวิธีเลือกซื้อโยเกิร์ตมาแนะนำค่ะ

1. เลือกซื้อโยเกิร์ตที่มีวันผลิต ใกล้เคียงกับวันที่ซื้อมากที่สุด หรือเหลือวันหมดอายุนานที่สุด
2. เลือกซื้อรสธรรมชาติที่สุด เพราะจะได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า
3. หากต้องการได้คุณค่าโปรตีนหรือแคลเซียม การเลือกดื่มนมสดรสจืดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะราคาถูกและให้คุณค่าทางโภชนาการดีกว่า
4.คนที่อยากลดน้ำหนัก วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ให้กินอาหารหลักในปริมาณพอดีและงดโยเกิร์ต เพราะแม้จะเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ แต่ก็มีน้ำตาล และการอ้างว่าไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมันไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย
5.ใครที่มีสุขภาพแข็งแรง และกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ ก็ไม่จำเป็นต้องกินโยเกิร์ต
6.ไม่แนะนำให้ซื้อนมเปรี้ยวพร้อมดื่ม (UHT) โดยเฉพาะกับ เด็กวัยเติบโต เพราะน้ำนมพร่องมันเนย หรือหางน้ำนมมาหมักด้วยจุลินทรีย์แล้วแต่งด้วยสี กลิ่น หรือน้ำผลไม้ ปริมาณโปรตีนจะลดลง และได้รับน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น

ป้องกันแสงแดดให้ได้ผล


ป้องกันแสงแดดให้ได้ผล (Hair)

1. ทาครีมกันแดดล่วงหน้า 30 นาทีก่อนเผชิญแสงแดด และทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง และทุกครั้งหลังว่ายน้ำควรจะทาครีมกันแดดซ้ำอย่างน้อยอีก 1 ครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันผิวอีกชั้นหนึ่ง
2. เลือกใช้ครีมกันแดดสำหรับกิจกรรมทางน้ำ ที่มีคำว่า Water Proof (ที่จะกันแดดได้นาน 80 นาที) และ Water Resistant (จะกันแดดได้นาน 40 นาที) ทุกครั้ง
3. ทาครีมกันแดดซ้ำบ่อย ๆ และควรจะทาเลยไปที่บริเวณคอและแขนด้วยเพื่อความงามอย่างทั่วถึง
4. การเติมครีมกันแดดในระหว่างวัน โดยไม่ต้องล้างหน้านั้น ให้ซับเหงื่อซับมันออกจากหน้าเสียก่อน แล้วใช้นิ้วกลางป้ายครีมมาแตะ ๆ ให้ทั่วหน้า แทนการละเลงครีมไปทั่วหน้า ก่อนจะทาแป้งซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
5. แม้จะทาครีมกันแดดหลังจากตากแดดแรง ๆ แล้ว ควรดื่มน้ำตลอดเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ (Dehydrated) ตรงไหนที่ตากแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน ควรจะทา After Sun ที่ช่วยให้บรรเทาอาการแสบร้อน เลือกที่มีส่วนผสมของวิตามินอีและว่านหางจระเข้ และไม่ควรโดนแดดแรง ๆ อีกสักพัก
6. แยกใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าและผิวกาย ควรใช้เฉพาะจุดที่กำหนด เช่น ใช้ทาหน้า ทาตัว ทามือ และที่สำคัญควรตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุด้วย ควรเลือกวันที่ผลิตจนถึง ณ ปัจจุบันมีอายุไม่เกิน 1 ปี
7. ถ้าผิวกลายเป็นสีชมพูเข้ม รู้สึกร้อนและไหม้ ให้ประคบผิวบริเวณนั้นด้วยน้ำเย็นผสมนมสด ห้ามใช้น้ำแข็งประคบเพราะจะทำให้ยิ่งไหม้ จากนั้น ชโลมผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของอโลเวรา และไม่ควรใช้สบู่ หรือครีมอาบน้ำถูโดยเด็ดขาด
8. แต่ถ้าผิวเป็นสีแดงจัด เป็นรอยย่นจนเห็นได้ชัด ควรอาบน้ำและชโลมผิวเหมือนข้อแรก ทานยาแอสไพรินทุกๆ 4 ชั่วโมง จากนั้นให้ไปพบแพทย์ แต่ถ้าพบว่ามีผิวเป็นสีแดง มีตุ่มน้ำใส ๆ มีไข้ หนาวสั่น ให้ทานยาแอสไพรินแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที
9. ในช่วงเวลากลางวัน ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาพอที่จะป้องกันแสงแดดที่ส่องผ่านเข้าสู่ผิวหนัง รวมทั้งแว่นตาป้องกันรังสี UVB อันเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นบริเวณหนังตาที่บอบบางและไวต่อแสงเป็นพิเศษ รวมทั้งถุงมือที่ช่วยป้องกันบริเวณหลังมือที่มักเป็นตำแหน่งที่เกิดมะเร็ง ผิวหนังมากที่สุดเช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับเพิ่มเสน่ห์ผมสวย3



สิ่งหนึ่งที่สัมพันธ์กับเส้นผมอย่างชนิดที่แยกกันไม่ออก คือ หนังศีรษะ เส้นผมจะอยู่กับหนังศีรษะด้วยดีได้ ก็ต่อเมื่อหนังศีรษะมีสุขภาพดีเท่านั้น และวันนี้เราก็มีเคล็ดลับดี ๆ มาบอก...

1.สปา... นวดผ่อนคลาย
ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบริเวณหนังศีรษะ โดยวางนิ้วโป้งหลังหู ใช้ปลายนิ้วที่เหลือคลึงวนเป็นวงกลม 3 รอบ กดค้างไว้ 1 นาที เลื่อนตำแหน่งนิ้วไล่ลง ตำแหน่งนิ้วโป้งจะเคลื่อนไปตามแนวกระดูกหลังใบหู คลึงวน กดค้างไปเรื่อย ๆ จนถึงท้ายทอย แต่ละขั้นใช้เวลานวด 3 - 5 นาที ถ้าจะนวดก่อนสระผม ก็ต้องดูว่าไม่มีสิ่งใดติดผมอยู่ เพราะคุณจะรู้สึกไม่สบายหนังศีรษะได้ หรือถ้านวดหลังสระก็เช็ดให้แห้งก่อนนวดนะคะ
2.สระสะอาดทั่วถึง
ไม่ใช้แชมพูที่มีสารรุนแรง เพราะหนังศีรษะจะแห้งมากขึ้น และทำลายเส้นผมได้ง่าย ควรใช้ออยล์จากพืช เช่น น้ำมันมะกอก ถ้าหนังศีรษะมัน ปลายผมแห้งให้เล็มผมสม่ำเสมอราว ๆ ครึ่งนิ้วจากปลายผม เลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผม ไม่เป่าผมเกินกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ถ้าจะเป่าให้เป่าไปที่โคนผมที่มีน้ำมันมากกว่า ถ้าใช้ครีมนวดผมให้ใช้เฉพาะใน ส่วนปลายผมเท่านั้น อย่าลงไปที่หนังศีรษะนะคะ แล้วถ้าจะให้ดีปล่อยให้ผมแห้งเองจะดีกว่าค่ะ
3. สระวันเว้นวัน
ไม่สระผมทุกวัน เพราะจะไปล้างวิตามินบนหนังศีรษะที่หล่อเลี้ยงรากผม เส้นผมจะแห้ง หนังศีรษะจะตึง มัน เพราะไม่มีอาหารไปเลี้ยง หนังศีรษะก็จะดูดอาหารด้านในหนังศีรษะออกมาหล่อลื่นด้านนอก เป็นสาเหตุให้หนังศีรษะมัน แฉะ แต่ด้านในกลับแห้ง เพราะอาหารเส้นผมถูกดูดออกมาข้างนอกหมด เส้นผมก็เริ่มหลุดร่วง ลองดูสิคะ ถ้าถอนเส้นผมแล้วไม่มีตุ่มโคนผมติดอยู่ นั่นก็แสดงว่าเส้นผมคุณแม่ไม่มีอาหารเส้นผมเหลืออยู่ค่ะ
4. เลือกแปรงเหมาะสม
ผมยาว ใช้แปรงขนเหล็กบุยาง ช่วยให้หวีผมไม่พันกัน ป้องกันไฟฟ้าสถิต ถ้าจัดทรงใช้แปรงกลมใหญ่ที่ช่วยให้ปลายผมได้รูปสวย ผมยาวประบ่า ใช้ขนแปรงเรียวเล็ก บุยางด้านหลัง ขนแปรงยาวจะช่วยให้เส้นผมไม่พันกัน ขนแปรงสั้นช่วยให้ผิวเส้นผมเรียบลื่น ผมสั้น ใช้แปรงทรงสี่เหลี่ยม ขนแปรงสั้นยาวสลับกัน ช่วยยกโคนผมให้ไม่ลีบแบน ผมหยักศก ใช้หวีคล้ายคราด ด้ามกว้าง แบน ห่าง เพื่อรักษาสภาพลอนผมให้เป็นทรง ไม่ฟูได้ค่ะ
5.มะนาวช่วยหนังศีรษะ
มะนาวช่วยดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ ให้นุ่มสลวย ไร้รังแค เพราะมีกรดธรรมชาติ ช่วยชำระล้างเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน น้ำมันจากมะนาวยังต่อต้านแบคทีเรีย ทำความสะอาดและคืนสมดุลให้กับหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยลดความมันได้อีก คุณสามารถผสมน้ำมะนาวกับน้ำ นำมานวดบนหนังศีรษะและเส้นผมด้วยปลายนิ้วเบา ๆ หมักทิ้งไวสัก 2 - 3 ชั่วโมงแล้วล้างออก






8 วิธีเพื่อผมสวยสุขภาพดี

สาว ๆ ที่มีผมแห้งชี้ฟูคงจะหนักใจไม่น้อย เวลาที่เดินไปไหนมาไหนแล้วผมปลิวไปตามลมแต่ดันไม่ยอมทิ้งตัวกลับสู่สภาพเดิมซะอย่างนั้น เฮ้อ.. งานนี้จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย อุตส่าห์ใช้ยาสระผมสูตรผมนุ่มก็แล้ว ใช้ทรีทเม้นท์ก็แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าผมจะมีน้ำหนักเสียที อะ ๆ วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยมีวิธีง่าย ๆ มาฝาก อาจจะต้องทำอะไรหลายอย่างหน่อยก็ต้องยอมแล้วนะคะ เพื่อผมสวยสุขภาพดีของคุณนั่นแหละ เอ้า.. ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่า
1. ใช้เซรั่มทุกครั้งหลังสระผม เพราะเซรั่มเป็นอาหารผมที่เข้มข้นที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ดังนั้น ก็เลยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ โดยคุณอาจจะปรึกษาช่างผมก่อนที่จะเลือกใช้ ว่าเซรั่มตัวไหนดีต่อสภาพผมคุณมากที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกกับผมนั่นเองค่ะ
2. ใช้คอนดิชันเนอร์แบบลีฟอิน ซึ่งเป็นคอนดิชันเนอร์ที่ดีต่อผมคุณมาก ๆ เลยล่ะค่ะ อย่างในปัจจุบันนี้ก็มีคอนดิชันเนอร์ลีฟอินหลายชนิดให้เลือกใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นแบบสเปรย์หรือว่าโลชั่น ใช้ควบคู่ไปกับเซรั่มจะดีที่สุดนะคะ
3. สระผมด้วยน้ำเย็น ในบางสูตรอาจจะบอกว่าควรสระผมด้วยน้ำอุ่น แต่อ๊ะ ๆ อยากจะบอกเหลือเกินค่ะว่าน้ำอุ่นนั่นแหละเป็นตัวทำให้ผมคุณแห้งมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ดังนั้นหลังจากที่คุณสระผมและหมักผมด้วยคอนดิชันเนอร์แล้ว แนะนำให้คุณล้างผมด้วยน้ำเย็นจะดีกว่า เพราะมันจะทำให้ผมของคุณยังคงความชุ่มชื้นอยู่ และแน่นอน มันทำให้ผมคุณดูมีสุขภาพดีขึ้นได้ค่ะ
4. อย่าเป่าผมด้วยการจี้ไดร์เป่าผมลงไปชิดกับผมนัก เพราะมันทำให้ผมของคุณแห้งชนิดที่เรียกว่าแห้งกรอบเลยล่ะค่ะ อีกทั้งยังทำให้ผมคุณเสีย แตกปลายได้ง่าย ๆ อีกด้วย ดังนั้นหากเป็นไปได้ ควรเป่าผมด้วยลมเย็น หรือลมอุ่น ๆ ดีกว่า ซึ่งไดร์เป่าผมแต่ละตัว สมัยนี้เค้าก็ทำให้มีทั้งลมหลายระดับให้เลือกกันอยู่แล้ว
5. ใช้สเปรย์เพิ่มความเงางามให้เส้นผม เพื่อทำให้ผมของคุณดูสุขภาพดี เงางามค่ะ อ๊ะ แต่ขอแนะนำให้เป็นสเปรย์ที่ช่วยบำรุงผมไปพร้อม ๆ กันด้วยนะคะ เพราะมันจะช่วยปกป้องผมของคุณด้วยล่ะ
6. ดื่มน้ำเยอะ ๆ น้ำนอกจากจะดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่ามันยังดีต่อสุขภาพผมของคุณอีกด้วย เพราะมันเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผมคุณค่ะ เอ้า ดังนั้นถ้าใครอยากมีผมสวยก็ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ คือประมาณ 6-8 แก้วต่อวันนะคะ
7. กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามิน A และ E จะทำให้ผมคุณมีน้ำหนักและมีสุขภาพดีขึ้นได้ นอกจากนี้ อย่าลืมทานโปรตีนเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม ซึ่งอาหารประเภทโปรตีนที่ดีต่อเส้นผม ได้แก่ ไข่และถั่วค่ะ
8. หลีกเลี่ยงสารเคมีแรงจัด ไม่ว่าจะเป็นการดัด ย้อม ทำสี ยืด รวมถึงการใช้ความร้อนสะสมทุกวัน ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพผมคุณทั้งนั้นค่ะ อ้อ สารเคมีแรงจัดนี้รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ด้วยนะคะ ตัวบั่นทอนสุขภาพผมสวยของคุณตัวดีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี การมีสุขภาพผมที่ดีและมีน้ำหนักนั้น คุณจำเป็นต้องปฏิบัติไปพร้อม ๆ กันทั้ง 8 ข้อเลยนะคะ ฮั่นแน่ ดูเหมือนจะยุ่งยากวุ่นวายใช่มั้ยล่ะ แต่หากลองทำดูจริง ๆ แล้ว จะพบว่าไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่คุณเจียดเวลามาดูแลเส้นผมวันละนิด เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้เป็นเจ้าของผมสวยสุขภาพดีแล้วล่ะค่ะ

รู้มั้ยว่า..การกัดเล็บ เป็นโรคชนิดหนึ่ง


รวมแล้วทั้งเด็กและผู้ใหญ่นิยมที่จะกัดเล็บตัวเองมีจำนวนมากกว่า 600 ล้านคน (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ) และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง บางคนนิยมกัดเล็บเท้าของตัวเองด้วย ฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นความจริง โรคกัดเล็บ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Nail Biting มีชื่อในทางการแพทย์ว่า Chronic Onychophagia นั้น สาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากความเครียด ซึ่งนอกจากจะทำให้เสียบุคลิกภาพแล้ว ยังบ่งบอกให้เห็นว่าคนๆ นั้นเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง ขี้อาย และ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ถ้าอาการรุนแรงมากอาจจะต้องไปพบจิตแพทย์ แต่ส่วนใหญ่โรคนี้รักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยา แต่ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์ อาทิ ยารักษาอาการของโรคซึมเศร้า ยารักษาโรคจิตเวช ยากลุ่มวิตามินบี การสะกดจิต หรือที่เป็นนิยมอยู่ขณะนี้ในประเทศฮอลแลนด์คือ การใช้ที่ครอบฟัน แบบใส ครอบทั้งฟันล่างและฟันบน ที่สามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหาร ตัวครอบฟันจะป้องกันการติดเชื้อโรคจากการกัดเล็บ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย หรือน้ำลายในปากจะกัดผิวหนัง และเยื่อบุเล็บทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง และติดเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น

ความซับซ้อนของกรรม


ความซับซ้อนของกรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช การเขียนหนังสือด้วยปากกาหรือดินสอลงบนกระดาษแผ่นเดียวนั้น เขียนลงครั้งแรกก็ย่อมอ่านออกง่าย อ่านเข้าใจง่าย แต่ยิ่งเขียนทับเขียนซ้ำลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวนั้นตัวหนังสือยิ่งจะทับกันยิ่งขึ้นทุกที การอ่านก็ยิ่งอ่านยากขึ้นทุกทีจนถึงอ่านไม่ออกเลย ไม่เห็นเลยว่าเป็นตัวหนังสือ จะเห็นแต่รอยหมึกหรือรอยดินสอทับกันไปทับกันมา ให้เพียงรู้เท่านั้นว่ามีการเขียนลงบนกระดาษแผ่นนั้นอ่านไม่รู้เรื่อง และไม่รู้ว่าอะไรเขียนก่อนและอะไรเขียนทีหลัง การทำกรรมหรือการทำดีทำชั่วก็เช่นกัน ต่างได้ทำกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วนทับถมกันมายิ่งกว่าตัวหนังสือที่เขียนทับจนอ่านไม่ออกและไม่สามารถรู้ว่าอะไรเขียนก่อนอะไรเขียนทีหลัง เหมือนกับการทำกรรมใดไว้ก็ไม่รู้ว่ากรรมใดทำก่อนกรรมใดทำทีหลัง ไม่สามารถรู้และแยกว่าทำอะไรดีมาบ้าง ทำอะไรไม่ดีมาบ้าง ทำดีทำไม่ดีอะไรทำก่อนอะไรทำทีหลังไม่สามารถแยกแยะได้ และทำมากทำน้อยทำหนักทำเบากว่ากันอย่างไร เป็นความซับซ้อนของกรรมที่ทำไว้จนแยกไม่ออกมาหลายภพหลายชาติ เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือที่ทับกันไปเรื่อยๆ จนอ่านไม่ออกและไม่รู้ว่าคำไหนเขียนก่อนเขียนทีหลังความซับซ้อนของกรรม แตกต่างจากความซับซ้อนของตัวหนังสือ ตรงที่ตัวหนังสือเมื่อเขียนทับกันมากๆ ย่อมไม่มีทางรู้ว่าเขียนเรื่องดีหรือเขียนเรื่องไม่ดีอย่างไร แต่กรรมนั้นแม้ทำซับซ้อนมากเพียงไร หรือทำกรรมไม่ดีไว้มากน้อยเพียงใด โดยผลที่ปรากฏขึ้นของกรรมนั้นเองเป็นเครื่องช่วยแสดงให้เห็นชีวิตหรือชาตินี้ของทุกคนมีชาติกำเนิดไม่เหมือนกัน เป็นไทยก็มี จีนก็มี แขกก็มี ฝรั่งก็มี เป็นต้น มีชาติตระกูลไม่เหมือนกัน ตระกูลสูงก็มี ตระกูลต่ำก็มี ฐานะต่างกันร่ำรวยก็มี ยากจนก็มี สติปัญญาต่างกัน โง่ก็มี ฉลาดก็มี ความแตกต่างห่างกันนานาประการเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องชี้ให้ผู้เชื่อในกรรมและผลของกรรม เห็นความมีภพชาติในอดีตของแต่ละชีวิตในชาติปัจจุบันที่เกิดมาต่างกันในชาตินี้ เพราะทำกรรมที่ต่างกันไว้ในชาติอดีตความแตกต่างของชีวิตที่สำคัญที่สุดที่แสดงให้เห็นอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของกรรม คือความได้ภพชาติของมนุษย์ กับความได้ภพชาติของสัตว์ เป็นต้น แม้เทวดาอาจมาเป็นมนุษย์ได้เป็นสัตว์ก็ได้ มนุษย์อาจเป็นเทวดาได้เป็นสัตว์ได้ สัตว์อาจเป็นเทวดาได้เป็นมนุษย์ได้ ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของกรรมอันนำให้เกิดนั่นเอง

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เตือนภัย : ดื่มน้ำอัดลมหวานๆประจำอาจเสี่ยงกับ มะเร็งของตับอ่อน



วารสารวิชาการ "การระบาดวิทยา ตัววัดความเสี่ยงและการป้องกันมะเร็ง" ของสมาคมวิจัยมะเร็งแห่งอเมริกา รายงานว่า มีการศึกษาพบว่า การดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีรสหวาน จะทำให้เสี่ยงกับการเกิดเป็นมะเร็งของตับอ่อน อันเป็นมะเร็งที่ทำให้ถึงตายได้มากที่สุดชนิดหนึ่ง อย่างน่าหวาดหวั่นรายงานผลการศึกษาส่อว่า เพียงแค่ดื่มอาทิตย์ละเพียง 2 หน ก็ทำให้โอกาสที่จะเป็นโรคเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าผู้ช่วยศาสตราจารย์มาร์ค พีไรนา ของโรงเรียนสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมินเนโซตา ผู้เขียนรายงานอาวุโส กล่าวว่า "ระดับน้ำตาลในเครื่องดื่มที่สูง อาจจะไปหนุนระดับอินซูลินในร่างกายให้สูงขึ้น ซึ่งคิดว่ามีส่วนช่วยเป็นปุ๋ยให้เซลล์มะเร็งตับอ่อนเติบโตขึ้น"ผลการศึกษาแจ้งต่อไปว่า "ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมอาทิตย์ละ 2 หนขึ้นไป จะมีอัตราเสี่ยงกับโรคสูงขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม ถึงร้อยละ 87 ซึ่งไม่พบลักษณะแบบเดียวกัน เกิดในหมู่ผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้น".

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พี่เลี้ยง...อันตราย

สัญญาณเตือนเมื่อลูกถูกพี่เลี้ยงทำร้าย แม้จะทราบดีอยู่แล้วว่าการให้พี่เลี้ยงดูแลลูกนั้น เป็นความเสี่ยงที่เราไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเสี่ยง แต่ด้วยความจำเป็นของชีวิตในปัจจุบัน ทำให้พ่อแม่ ส่วนใหญ่ต้องเลือกใช้บริการพี่เลี้ยง แต่แม้จะปล่อยให้หน้าที่ในการดูแลลูกเป็นของพี่เลี้ยง หากพ่อแม่ใส่ใจอีกนิดและสังเกตดูอีกหน่อย เราจะสามารถป้องกันอันตรายอาจจะเกิดขึ้นได้กับลูก ก่อนที่จะลุกลามเป็นปัญหาใหญ่
1.ลูกโผหาแม่ทันทีหลังจากกลับบ้าน หรือตอนเช้าจะไปทำงานลูกงอแง ไม่อยากให้แม่ไป แต่ต้องไม่ใช่ช่วงแรกของการมีพี่เลี้ยงเพราะเด็กบางคนติดแม่มาก
2. เด็กอยู่กับพี่เลี้ยงแล้วมีอาการหวาดกลัว ไม่พูดคุย ไม่ร่าเริงเหมือนอยู่กับแม่สองต่อสอง
3. พัฒนาการถดถอย งอแงง่าย ช่วยเหลือตัวเองน้อยลง ทำอะไรได้ช้ากว่าวัยที่ควรจะเป็น แต่กรณีนี้ต้องคอยสังเกตอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กบางคนอาจจะติดแม่มากต้องดูที่ตัวเด็กด้วย
4. เด็กติดทีวีหรือวิดีโอการ์ตูน เพราะพี่เลี้ยงเปิดให้ดูทั้งวัน มีแผลตามตัวหรือรอยช้ำจ้ำเขียวเป็นประจำ แล้วอย่าลืมเช็กบริเวณในร่มผ้าด้วย เพราะพี่เลี้ยงอาจจะทำร้ายส่วนที่แม่มองไม่เห็น

พิจารณาก่อนเลือกพี่เลี้ยงให้ลูก
1. พิจารณาอายุและการศึกษา นั่นคือมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และวิจารณญาณ มีบุคลิกลักษณะและนิสัยรักความสะอาด ละเอียดรอบคอบ ใจเย็น รักเด็กและทนเสียงเด็กร้องได้
2. สิ่งสำคัญจะต้องไว้ใจได้ สามารถวางใจได้ว่าพี่เลี้ยงเด็กจะไม่ทอดทิ้งหรือทำร้ายลูกของเรา มีประสบการณ์ในการดูแลเด็ก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อ
3. ก่อนตัดสินใจเลือกใครมาเป็นพี่เลี้ยงของลูกนั้น จำเป็นจะต้องพบปะพูดคุยทัศนคติ คุณสมบัติต่าง ๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่
4. หลายครอบครัว เลือกจะใช้พี่เลี้ยงเด็กราคาถูก ซึ่งโดยมากแล้วมักเป็นแรงงานต่างด้าว อาทิ ชาวพม่าหรือกะเหรี่ยง ซึ่งถือเป็นภัยใกล้ตัวในอีกรูปแบบหนึ่งที่เสี่ยง หากจำเป็นต้องเลือกพี่เลี้ยงควรเลือกจากศูนย์บริการที่ไว้ใจได้ทั้งการเลือกพี่เลี้ยงเด็กที่รู้จักหรือรู้ที่มาที่ไปจะดีกว่า

แม้เราจะมีข้ออ้างมากมาย ในการปล่อยให้การเลี้ยงลูกเป็นของพี่เลี้ยงทั้งเรื่องเวลา เรื่องงาน หรือเรื่องภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมา หลังการมีบุตรพิจารณากันให้ดีตั้งแต่ต้นอีกสักนิดก่อนว่า การเลี้ยงลูกคนหนึ่งให้ได้ดี และมีคุณภาพนั้น เราพ่อแม่ ต้องมีเวลาในการใส่ใจ การเลี้ยงดู หรือมีความพร้อมในปัจจัยหลายด้านทั้งเวลา ทุนทรัพย์และความพร้อมด้านจิตใจ หากข้อใด ข้อหนึ่งขาดตกบกพร่องไป นั่นอาจจะหมายถึงว่าเราอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการมีลูกก็เป็นได้

เตือนน้ำมังคุด ไม่ได้ช่วยรักษาโรค



อย. ออกโรงเตือนน้ำสกัดจากเปลือกมังคุด หลังมีผู้ป่วยดื่มแล้วเลิก มีอาการแทรกซ้อน ระบุ อย่าหลงเชื่อ คำโฆษณาเกินจริง
น.พ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สำนักงาน สาธารณสุข จังหวัดหนองคาย ว่า พบผู้ป่วยหญิง อายุ 81 ปี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ด้วยอาการไข้ ไอ เพลีย ท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเมื่อ ส่งตรวจอุจจาระ พบเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเลือดปนในอุจจาระ
จากการซักถามผู้ป่วยพบว่า ดื่มน้ำมังคุดยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งโฆษณาว่ารักษาโรคปวดขา ประมาณเกือบ 1 เดือน อาการปวดขาหาย แต่หลังหยุดดื่ม 2-3 วัน มีอาการปวดทั่วตัว ขยับไม่ได้ ทุรนทุราย แพทย์วินิจฉัยว่า เป็นภาวะไตบกพร่อง และคาดว่า น้ำมังคุดยี่ห้อดังกล่าว อาจมีสารสเตียรอยด์ผสมอยู่ โดยจะมีการสุ่มเก็บตัวอย่าง ส่งวิเคราะห์หาสารสเตียรอยด์ และสิ่งปนเปื้อนอื่นต่อไป
ทั้งนี้ ในมังคุด มีสารแซนโทน (xanthones) ซึ่งมีคุณสมบัติ ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต ต้านมะเร็ง และแก้แพ้ อย่างไรก็ตาม ยังขาดข้อมูลการทดลองทางคลินิกสนับสนุนว่า การบริโภคมังคุดสามารถมีฤทธิ์รักษาโรคดังกล่าวได้
แต่ที่ต้องระวังคือ ผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างการฉายรังสี ผู้ป่วยที่กำลังใช้ยาคูมาดิน ยาต้านมะเร็ง ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์สร้าง เม็ดเลือดแดงมากเกินไป ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่กำลังได้รับยารักษาโรคอื่น ๆ เนื่องจาก ยังไม่ทราบถึงการเกิดปฏิกิริยาระหว่าง น้ำมังคุดกับยาที่ได้รับ
ขอเตือนประชาชนผู้บริโภคว่า อย่าหลงเชื่อการโฆษณาโอ้อวด สรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะการหวังผลในการบำบัดรักษา หรือบรรเทาอาการของโรค อาจทำให้เสียเงินและเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง

เมาเรือ ป้องกันได้

1.เลือกที่นั่งให้ดี
ที่นั่งแถบหัวเรือจะทำให้คุณโยกไปข้างหน้าและหลัง (แค่คิดก็เวียนหัวแล้ว) ส่วนที่นั่งริมกาบเรือจะเหมือนเปลไกวซ้าย-ขวา ที่นั่งตรงกลางดูจะเป็นที่ที่สมดุลที่สุด (แต่ก็ควรจะออกมาเจอสายลมมแสงแดดบ้างนะ)
2.อย่าเพิ่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ของเหล่านี้จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ และเมื่อร่างกายขาดน้ำความเครียดเล็ก ๆ ที่เกิดจากการนั่งเรือจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยล่ะ จึงต้องไม่ลืมจิบน้ำบ่อย ๆ ด้วยนะ
3.กินขิงสิ
นี่แหละคือยาแก้คลื่นเหียนชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นน้ำขิง ลูกอมรสชิง หรือแม้แต่ขิงสด ๆ ซึ่งจะเวิร์กสุด ๆ หากกินก่อนลงเรือค่ะ
4.เมื่อรู้สึกตัวว่าเริ่มเวียนหัว
จงลุกขึ้นไปสัมผัสสายลมและมองไปที่เส้นขอบฟ้า (แม้ว่าใจจริงแล้วคุณอยากจะนอนก็เถอะ)
5.ถ้าเพื่อนร่วมเรือเกิดเมาเรือขึ้นมา
ควรจรลีหนีห่าง เพราะเมื่อเราได้ยิน เห็น หรือแม้แต่ได้กลิ่นอะไรสักอย่าง ประสาทของคุณอาจถูกเตือนว่า "ถึงเวลาเมาเรือแล้วล่ะ" โดยเฉพาะถ้าคุณเมาเรือง่ายอยู่แล้ว นี่คือเวลาตัวใครตัวมันนะจ๊ะ

สัญญาณบอกอาการไส้ติ่งอักเสบ

อาการปวดของไส้ติ่งแบบมาตรฐาน จะเริ่มปวดทั่วๆ บอกตำแหน่งแน่นอนไม่ได้ มักเป็นรอบๆ สะดือ อาจเป็นพักๆ หรือตลอดเวลาก็ได้
แต่โดยทั่วไปมักเป็นแบบตลอดเวลา หลังจากนั้นประมาณ 6-10 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายมาที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา ต่ำกว่าสะดือ ปวดตลอดเวลา อาจมีไข้ขึ้น มีเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย อาการปวดแบบมาตรฐาน (classical symptom) จะพบประมาณ 25% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออาจไม่เป็นแบบนี้ เช่น อาจไม่มีย้ายจุดปวด อาจปวดเป็นพักๆ ได้ (กรณีระยะแรก หรือเป็นชนิดที่อยู่หน้าหรือหลังลำไส้เล็ก pre-ileal or post-ileal type) แต่ประเด็นสำคัญคือปวดด้านขวาล่างๆ กดเจ็บ เดินตัวงอ มีเบื่ออาหาร มักปวดตลอดเวลา อาการเบื่ออาหารเป็นอาการที่สำคัญมาก พบเกือบ 100% ฉะนั้น ถ้าปวดท้องแต่ไม่เบื่ออาหาร กินข้าวได้ดี โอกาสเป็นไส้ติ่งอักเสบแทบจะไม่มี ถ้าไส้ติ่งแตก ไข้จะสูงลอย 40 องศา ปวดทั่วท้องทั้งซ้ายและขวา ท้องจะแข็งเกร็งไปหมด เดินไม่ไหว ต้องนอนนิ่งๆ
การรักษา ไม่ว่าไส้ติ่งจะแตกหรือไม่ ต้องทำการผ่าตัดสถานเดียว
ปวดท้องทั่วไปจากโรคอื่นๆ โดยทั่วไป มักปวดเป็นพักๆ
ถ้าเป็นจากโรคแผลในกระเพาะ มักปวดใต้ลิ้นปี่ สัมพันธ์กับอาหาร โดยจะท้องอืด เหมือนอาหารไม่ย่อย หรือปวดจุกเสียดก็ได้ มักเป็นหลังอาหาร( คือทานอาหารแล้วแย่ลง) แต่ถ้าเป็น แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น อาจเป็นที่ใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา มักปวดจุกเสียดก่อนอาหาร พอทานอาหารแล้วจะดีขึ้น
อาการปวดจากถุงน้ำดี มักเป็นที่ชายโครงขวา อาจมีร้าวไป บริเวณมุมล่างของสะบักขวาหรือบริเวณระหว่างสะบัก จะมีลักษณะที่สำคัญ คือ จะมีอาการแน่นหรืออืด หลังทานอาหารมันๆ (Fat Intolerance) หรือมีปวดท้องหลังอาหารเย็นเป็นพักๆ ที่ชายโครงขวา (Biliary Colic) ปวดจากนิ่วในท่อไต อาการปวดจะเป็นพักๆ มากบริเวณเอวด้านหลังอาจร้าวมาขาหนีบ หรือบริเวณอัณฑะ ร่วมกับมีปัสสาวะเป็นเลือด หรือเป็นสีน้ำล้างเนื้อ
ปวดจากปีกมดลูก หรือรังไข่ จะปวดบริเวณท้องน้อย ไม่สัมพันธ์กับอาหาร มักมีเลือดหรือตกขาวผิดปกติ ทางช่องคลอดร่วมด้วย
จะสังเกตว่าอาการปวดท้อง ในระยะแรกไม่ว่าจะเป็นไส้ติ่ง หรือโรคอื่นๆ ก็ตาม จะแยกกันยาก ต้องใช้การสังเกตอาการ ดังนั้น ในกรณีที่เริ่มปวดท้องที่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร อย่าเพิ่งกินยาแก้ปวด ควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยก่อน เพราะการกินยาแก้ปวดจะทำให้ แพทย์วินิจฉัยแยกโรคลำบาก เนื่องจากยาจะบดบังอาการปวด

ผักบุ้ง



ผักบุ้ง : บำรุงสายตา ถอนพิษ ช่วยขับถ่าย
สำหรับอาหารสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในการบำรุงสายตา คือ ผักบุ้ง เป็นผักที่มีวิตามินเอสูง ช่วยในการบำรุงสายตา แม้จะมีผักตัวอื่น ๆ ที่มีวิตามินเอเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รับการระบุว่าเป็นผักบำรุงสายตาอย่างผักบุ้งเลย คนโบราณแนะลูกหลานกินผักบุ้งตาหวาน แม้ว่าจะไม่รู้ว่าผักบุ้งมีวิตามินเอที่มีประโยชน์ต่อสายตาก็ตามแต่ ผักบุ้งจึงได้ชื่อว่าเป็นผักที่เป็นมิตรกับสายตา

สรรพคุณระบุว่า แก้ตาฟางหรือตาบอดกลางคืนได้ดี ช่วยให้หายแสบตาจากอาการตาแห้ง และลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตาเยอะ ๆ ถ้าช่วงนี้ใครที่รู้สึกว่าปวดตา ใช้สายตาเยอะ ตาแห้ง และค่อนข้างล้า ลองกินผักบุ้งเยอะ ๆ แล้วจะพบว่ามันช่วยได้จริง ๆ การกินผักบุ้งไม่ว่าจะผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีน ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสายตาทั้งสิ้น ถ้าใครที่กินผักบุ้งมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนอายุมากขึ้นก็จะยังคงมีสายตาดี ไม่มีปัญหาเรื่องสายตายาว และเชื่อว่ากินประจำยังช่วยป้องกันต้อกระจกได้ด้วย ดังนั้น ผู้ปกครอง คุณพ่อ คุณแม่ ควรให้ลูกได้กินผักบุ้งเยอะ ๆ หรืออย่างสม่ำเสมอ ให้ได้รับสารบำรุงสายตาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นการบำรุงอย่างสะสมทรัพย์ จะเป็นการช่วยให้ลูกหลานมีสายตาดีจนชั่วชีวิตของพวกเขา
ในทางโภชนาการผักบุ้งยังมีสารสำคัญอื่น ๆ นอกเหนือจากวิตามินเอที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ แคลเซียม วิตามินซี เส้นใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต เหล็ก ฟอสฟอรัส มากน้อยแตกต่างกันไป ในทางการแพทย์แผนไทย ระบุว่า ผักบุ้งมีรสเย็น มีสรรพคุณถอนพิษสำแดงต่าง ๆ หรือช่วยในการขับสารพิษอออกจากร่างกายได้ หมอแผนไทยบางท่านแนะให้นำมาใช้ในการขับพิษ สำหรับเกษตรกรที่ใช้สารเคมีทางการเกษตร ซึ่งจะได้รับสารพิษอันตราย หรือใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยติดยาเสพติด ในกรณีนี้อาจใช้กับตัวยาอื่น ๆ ตามตำรับของหมอแต่ละคนเพื่อช่วยขับพิษและฤทธิ์ของยาเสพติด หรือในกรณีที่กินสารพิษ กินเห็ดพิษ ร่างกายได้รับสารตะกั่ว สารหนู โดยแนะให้เอาผักบุ้งแดงต้มเอาน้ำดื่มเป็นประจำ

10 วิธีคลายเครียด


วิธีหรือเครื่องมือที่จะช่วยในการผ่อนคลายความเครียด ที่ทำได้ง่ายๆ ก็เท่ากับว่าเรามีหมออยู่ใกล้ๆ ตัว โดยเคล็ดลับการผ่อนคลายทางจิตอย่างง่ายๆ 10 ประการ ที่ใครก็ทำได้ ได้แก่
1.การใช้ชีวิตให้ช้าลงความเร่งรีบของชีวิตเป็นสาเหตุใหญ่ของความเครียดในปัจจุบัน ถ้าวางแผนตารางชีวิตได้เหมาะสม ความเร่งรีบก็จะลดลง ความเครียดก็จะลดลงตามไปด้วย
2.ออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นประจำเช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หากทำเป็นประจำจะช่วยเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมอง สมองจะหลั่งฮอร์โมนความสุข ส่งผลให้จิตใจโปร่ง เบา สบาย และมีความสุข
3.การเข้านอนหัวค่ำตื่นแต่เช้า ช่วงแรกจะต้องใช้จิตตนเองกล่อมให้หลับ และปลุกให้ตื่น ตรงตามเวลาก่อน หลังจากนั้นฮอร์โมนภายในร่างกายจะช่วยให้การหลับตื่นเป็นไปเองตามอัตโนมัติ ส่งผลให้จิตใจและสมองสดชื่น แจ่มใสอยู่เสมอ
4.ฝึกหายใจลึกและช้า โดยหายใจเข้า ท้องจะพองออก หายใจออก ท้องจะยุบลง หากอัตราการหายใจไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที จะช่วยให้จิตผ่อนคลายลงได้มากทีเดียว
5.การฝึกชี่กง ไท้เก๊ก โยคะ โดยจิตจับจ้องจดจ่อไปที่ท่าทางการเคลื่อนไหว สอดคล้องกับช่วงจังหวะการหายใจ จะทำให้จิตนิ่ง สงบและผ่อนคลาย
6.การฝึกยิ้ม หัวเราะ มีอารมณ์ขันจะช่วยให้เรามีอารมณ์ดีในทันที แถมจะได้รอยยิ้ม หัวเราะ และอารมณ์ขันจากคนรอบข้างกลับมาอีกด้วย ช่วยให้ผ่อนคลายความ เครียดได้
7.การฝึกทำสมาธิซึ่งมีหลายอารมณ์ หลายวิธีการ จะช่วยทำให้จิตสงบ คลื่นสมองจะช้าลง และมีระเบียบมากขึ้น จิตผ่อนคลาย ร่างกายเป็นสุข
8.การใช้ศิลปะบำบัด เช่น การร้องเพลง เล่นดนตรี การเต้นรำ การวาดรูป ทำงานศิลปะ จิตจะจดจ่อกับกิจกรรมที่ผ่อนคลาย ลืมความทุกข์ความวิตกกังวลได้ดีทีเดียว
9.การรับพลังธรรมชาติการได้เปลี่ยนบรรยากาศจากที่จำเจไปสู่ธรรมชาติ เช่น ภูเขา ต้นไม้ ทะเล สายลม แสงแดด จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย เป็นสุข และยังเป็นการรับพลังจากธรรมชาติเข้าสู่ตัวเราอีกด้วย
10.การสวดมนต์ อธิษฐานจิตจิตน้อมไปในคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ รวมทั้งคุณงามความดีที่เราได้กระทำมาในอดีต จะเป็นพลังจิตอย่างมหาศาลให้กับเรา ช่วยให้จิตเราสงบ เย็นและเป็น สุข

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คลองหก



เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 53 บริเวณลานจอดรถอเนกประสงค์ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ต.คลองหก อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้มีการจัดงาน เทิดทูนสถาบันของชาติ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ โดยภายในงานมีการออกบู๊ทบริการประชาชนของหน่วยงานราชการในจังหวัดปทุมธานี เช่น จัดหางานจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ขนส่งจังหวัด กศน.อำเภอธัญบุรีมาให้บริการ สอนอาชีพ อาทิ เช่น การทำกุหลาบจากผ้าเช็ดหน้าขนหนู การทำดอกไม้สับปะรด สานดอกไม้จากใบเตย การจัดกิจกรรมส่งเสริมรักการอ่าน จากห้องสมุดประชาชน "เฉลิมราชกุมารี" อำเภอธัญบุรี เป็นต้น
โดยเวลา 17.00 น. ได้มีการจัดงานคอนเสริ์ต โดยนักร้องชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ พลพล พลกองเส็ง วงคาราบาว และ ปาน ธนพร โดยมี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการจุดเทียนชัยถวายพระพรและกล่าวนำสรรเสริญพระบารมี โดยมีนาย ปรีชา บุตรศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายพันธ์เทพ ศรีวนิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายก อบจ.ปทุมธานี และสมาชิก นายธีรวัฒน์ หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรี ตำบลธัญบุรี และข้าราชการ ลูกจ้าง จังหวัดปทุมธานี ร่วมงาน
การจัดงาน เทิดทูนสถาบันของชาติ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ เป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่และแปลกตาเป็นที่ฮือฮากับผู้ร่วมงาน โดยเฉพาะ การแสดงภาพยนตร์ม่านน้ำเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง “พ่อ The Greatest of the King , The Greating of the Land

กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน บิ๊กซีคลองหก

ห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี" อำเภอธัญบุรี สังกัด กศน.อำเภอธัญบุรี
ร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 1 จัดโครงการส่งเสริมรักการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี คลองหก ภายในงานประกอบด้วย การรับสมัครสมาชิกใหม่ห้องสมุด แนะนำหนังสือใหม่ และการแจกหนังสือ
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันส่งเสริมรักการอ่าน


ในวันที่ 2 เมษาเป็นวันรักการอ่านแห่งชาติ
ทางห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี"อำเภอธัญบุรี
จึงได้จัดกิจกรรมขึ้นที่บิ๊กซีคลองหก อำเภอธัญบุรี ในวันที่ 2-4 เมษายน
จึงขอเชิญ เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ในงานประกอบด้วยนิทรรศการ
พระราชประวัติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
และกิจกรรมส่งเสริมการอ่านตั้งแต่เวลา09.00 นเป็นต้นไป