วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
น้ำมะเขือเทศ ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษเผยสรรพคุณสุดมหัศจรรย์ของน้ำมะเขือเทศ ว่าเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
โดยในมะเขือเทศนั้น มี ไลโคพีน และสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย
ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ได้ทำการวิจัยและพบว่า ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศอังกฤษ จึงได้ทำการทดสอบกับผู้หญิงวัยทอง (50-60 ปี) จำนวน 60 คนทั่วประเทศ โดยให้พวกเธองดกินมะเขือเทศเป็นเวลา 1 เดือน และจากการวิจัยดังกล่าว ให้ผลออกมาว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้กินมะเขือเทศเลย จะมีระดับ N-telopeptide ในเลือดสูงขึ้น โดย N-telopeptide นี้จะทำให้กระดูกเปราะได้ง่าย
จากนั้น ทีมวิจัยได้ให้ผู้หญิงกลุ่มเดิมรับประทานมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคพีน 15 มิลลิกรัม ทั้งในรูปแบบแคปซูล และรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งผลก็พบว่ามะเขือเทศสามารถลดระดับ N-telopeptide ในเลือดให้ลดลงได้
จากการวิจัยดังกล่าว นักวิจัยจึงสรุปได้ว่า มะเขือเทศนั้นมีคุณประโยชน์ต่อกระดูกมากมาย ดังนั้น การรับประทานมะเขือเทศสกัดในรูปแคปซูล หรือจะเป็นน้ำมะเขือเทศคั้นสดวันละ 2 แก้ว ก็สามารถเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น และยังลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย
กินยาคุมกำเนิดแล้วสิวฝ้าขึ้น ทำไงดี
ถ้ากินยาคุมกำเนิดกลัวว่าจะมีสิวฝ้าขึ้นเต็มหน้าจะทำยังไงดี (Woman's Story) วันนี้มีคำถามยอดฮิตจากคุณสาว ๆ ที่ทานยาคุมกำเนิด แล้วกลับมีสิวฝ้าขึ้นเต็มหน้า ถ้าเป็นอย่างนี้จะทำอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบค่ะ มีคำแนะนำว่า ถ้ากินยาคุมกำเนิดแล้วเริ่มมีฝ้าขึ้น ก็ให้เปลี่ยนขนาดยาให้มีเอสโตรเจนต่ำลง โดยให้ลดเหลือแค่ 20 ไมโครกรัม ระหว่างนี้ก็ต้องรักษาฝ้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม ก็ควรหลีกเลี่ยงการถูกแดดจัด ๆ และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันสิวฝ้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าทำตามวิธีข้างต้นแล้วก็ยังไม่ได้ผล แถมยังทำให้ประจำเดือนขาด ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีคุมกำเนิดแบบอื่นแทนค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
เทคนิคแก้ไขการแต่งหน้า
ใครที่แต่งหน้าแล้วรองพื้นหนาเกินไป ปัดแก้มเข้มไป วันนี้มีเทคนิคแก้ไขเวลาแต่งหน้าพลาดมาบอกกันค่ะ
*รองพื้นหนา ให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีด จากนั้นใช้พัฟฟองน้ำเกลี่ยรองพื้นที่ลงไว้ให้ทั่วใบหน้า พอหน้าแห้งก็พร้อมแต่งหน้าขั้นตอนต่อไปได้
*เขียนคิ้วเข้ม ให้ใช้มาสคาร่าสีทองหรือสีน้ำตาลทองมาปัดทับคิ้วอีกที จะทำให้สีคิ้วดูอ่อนลง
*ทาอายแชโดว์สีเข้ม ให้ใช้พู่กันแต่งหน้า หัวแปรงเล็กค่อยๆปัดฝุ่นอายแชโดว์ที่เข้มเกินไปออก
*ลงอายไลเนอร์แบบน้ำ ทาแล้วเส้นไม่เป็นเส้นแบบที่ต้องการ ให้เขียนอายไลเนอร์ให้เส้นใหญ่ขึ้น เพื่อกลบความผิดพลาด หากต้องการเขียนใหม่ให้ใช้คลีนเซอร์ลบให้เรียบร้อย รอให้แห้ง แล้วค่อยลงอายไลเนอร์ใหม่ *ปัดมาสคาร่าเลอะใบหน้า ให้ใช้คอตตอนบัดจุ่มอายรีมูฟเวอร์ เช็ดบริเวณที่เลอะออก จากนั้นทาแป้งบริเวณดังกล่าวให้เรียบเนียน
*ปัดแก้มแดงเกินไป ให้ใช้บลัชออนสีอ่อนกว่า เลือกแบบมีประกายมุกปัดทับ จะทำให้สีดูอ่อนลง หรือใช้พู่กันขนาดใหญ่แต้มแป้งทูเวย์ แล้วปัดแก้มทั่วบริเวณก็ช่วยได้ ห้ามใช้พัฟเพราะจะทำให้แป้งดูหนาเกินไป
*รองพื้นหนา ให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีด จากนั้นใช้พัฟฟองน้ำเกลี่ยรองพื้นที่ลงไว้ให้ทั่วใบหน้า พอหน้าแห้งก็พร้อมแต่งหน้าขั้นตอนต่อไปได้
*เขียนคิ้วเข้ม ให้ใช้มาสคาร่าสีทองหรือสีน้ำตาลทองมาปัดทับคิ้วอีกที จะทำให้สีคิ้วดูอ่อนลง
*ทาอายแชโดว์สีเข้ม ให้ใช้พู่กันแต่งหน้า หัวแปรงเล็กค่อยๆปัดฝุ่นอายแชโดว์ที่เข้มเกินไปออก
*ลงอายไลเนอร์แบบน้ำ ทาแล้วเส้นไม่เป็นเส้นแบบที่ต้องการ ให้เขียนอายไลเนอร์ให้เส้นใหญ่ขึ้น เพื่อกลบความผิดพลาด หากต้องการเขียนใหม่ให้ใช้คลีนเซอร์ลบให้เรียบร้อย รอให้แห้ง แล้วค่อยลงอายไลเนอร์ใหม่ *ปัดมาสคาร่าเลอะใบหน้า ให้ใช้คอตตอนบัดจุ่มอายรีมูฟเวอร์ เช็ดบริเวณที่เลอะออก จากนั้นทาแป้งบริเวณดังกล่าวให้เรียบเนียน
*ปัดแก้มแดงเกินไป ให้ใช้บลัชออนสีอ่อนกว่า เลือกแบบมีประกายมุกปัดทับ จะทำให้สีดูอ่อนลง หรือใช้พู่กันขนาดใหญ่แต้มแป้งทูเวย์ แล้วปัดแก้มทั่วบริเวณก็ช่วยได้ ห้ามใช้พัฟเพราะจะทำให้แป้งดูหนาเกินไป
วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
6 สมุนไพร ใช้เยียวยาอาการเลือดกำเดาไหล
วันนี้จะขอนำเสนอสูตรสมุนไพร 6 ชนิด ที่ใช้รักษาอาการเลือดกำเดาไหล ที่ได้จากภูมิปัญญาไทย ของหมอสมุนไพรประจำคลินิกหนองบงการแพทย์แผนไทย จังหวัดลพบุรี มาแนะนำกันค่ะ
1. ใบพลู นำใบพลูมา 1 ใบ แล้วม้วนให้เหมือนม้วนบุหรี่ จากนั้นขยี้ปลายข้างหนึ่ง แล้วนำส่วนที่ขยี้สอดเข้าไปในรูจมูกที่เลือดกำเดาไหล ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เลือดกำเดาจะหยุดไหล เพราะใบพลูมีสรรพคุณในการสมานแผลได้ดี
2. น้ำมะนาว บีบน้ำมะนาวครึ่งลูกผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว จากนั้นเติมเกลือครึ่งช้อนชา และน้ำตาลไม่ขัดขาว 1 ช้อนโต๊ะ ชงดื่มวันละแก้ว ก่อนอาหาร วิตามินซีจะช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด และเลือดกำเดาไหลได้
3. รากต้นข้าว ใช้รากข้าวที่เกี่ยวแล้ว 1 ต้น ถอนตั้งแต่รากขึ้นไปประมาณ 1 คืบ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า - เย็น ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล
4. รากต้นฝรั่ง ใช้รากต้นฝรั่ง 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า – เย็น
5. รากหัวไชเท้า ใช้รากหัวไชเท้าหนักประมาณ 15 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด ตำหรือคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นใช้น้ำที่คั้นได้หยอดเข้าทางจมูกข้างที่มีเลือดไหล 1 - 2 หยด หัวไชเท้ามีสรรพคุณสมานแผลและห้ามเลือดได้
6. รากไพล ใช้รากไพล 7 ราก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด หลังจากนั้นใส่น้ำเปล่า 3 หยด ขยี้ให้เข้ากัน กรองเอาแต่น้ำ หยอดน้ำรากไพลในรูจมูกข้างที่เลือดไหล ไพลมีสรรพคุณช่วยแก้เลือดกำเดาไหลและฆ่าเชื้อ
สมุนไพรพื้นบ้านสรรพคุณล้นเหลือ ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูนะคะ อีกอย่างของที่มาจากธรรมชาติ รับรองว่าไม่ผลข้างเคียงแน่นอนค่ะ
1. ใบพลู นำใบพลูมา 1 ใบ แล้วม้วนให้เหมือนม้วนบุหรี่ จากนั้นขยี้ปลายข้างหนึ่ง แล้วนำส่วนที่ขยี้สอดเข้าไปในรูจมูกที่เลือดกำเดาไหล ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เลือดกำเดาจะหยุดไหล เพราะใบพลูมีสรรพคุณในการสมานแผลได้ดี
2. น้ำมะนาว บีบน้ำมะนาวครึ่งลูกผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว จากนั้นเติมเกลือครึ่งช้อนชา และน้ำตาลไม่ขัดขาว 1 ช้อนโต๊ะ ชงดื่มวันละแก้ว ก่อนอาหาร วิตามินซีจะช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด และเลือดกำเดาไหลได้
3. รากต้นข้าว ใช้รากข้าวที่เกี่ยวแล้ว 1 ต้น ถอนตั้งแต่รากขึ้นไปประมาณ 1 คืบ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า - เย็น ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล
4. รากต้นฝรั่ง ใช้รากต้นฝรั่ง 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า – เย็น
5. รากหัวไชเท้า ใช้รากหัวไชเท้าหนักประมาณ 15 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด ตำหรือคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นใช้น้ำที่คั้นได้หยอดเข้าทางจมูกข้างที่มีเลือดไหล 1 - 2 หยด หัวไชเท้ามีสรรพคุณสมานแผลและห้ามเลือดได้
6. รากไพล ใช้รากไพล 7 ราก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด หลังจากนั้นใส่น้ำเปล่า 3 หยด ขยี้ให้เข้ากัน กรองเอาแต่น้ำ หยอดน้ำรากไพลในรูจมูกข้างที่เลือดไหล ไพลมีสรรพคุณช่วยแก้เลือดกำเดาไหลและฆ่าเชื้อ
สมุนไพรพื้นบ้านสรรพคุณล้นเหลือ ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูนะคะ อีกอย่างของที่มาจากธรรมชาติ รับรองว่าไม่ผลข้างเคียงแน่นอนค่ะ
วันลอยกระทง
วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทยตามปฏิทินจันทรคติล้านนา"มักจะ"ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายนตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย
ปัจจุบันวันลอยกระทงเป็นเทศกาลที่สำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเที่ยวปีละมากๆ ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีอากาศดี ในวันลอยกระทง ยังนิยมจัดประกวดนางงาม เรียกว่า "นางนพมาศ"อันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเพณีลอยกระทง และตามสถานที่จัดงานจะมีการประกวดกระทง ขบวนแห่ มหรสพสมโภชต่าง ๆ บางแห่งอาจมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองด้วย
ปัจจุบันวันลอยกระทงเป็นเทศกาลที่สำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเที่ยวปีละมากๆ ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีอากาศดี ในวันลอยกระทง ยังนิยมจัดประกวดนางงาม เรียกว่า "นางนพมาศ"อันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเพณีลอยกระทง และตามสถานที่จัดงานจะมีการประกวดกระทง ขบวนแห่ มหรสพสมโภชต่าง ๆ บางแห่งอาจมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)